จากประสบการณ์ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มานาน 22 ปี นายภูมิพันธุ์ คูสกุล เจ้าของบริษัท สปี๊ดดี้ แอสเซ็ส จำกัด และนักวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมคิดค้นระบบโรงเรือนอัจฉริยะได้เป็นเจ้าแรกของไทย เป็นระบบโรงเรือนที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความเข้มของแสงสว่าง ได้ตามที่พืชแต่ละชนิดต้องการ
ถ้าอุณหภูมิในโรงเรือนต่ำเกินไป ระบบคอมพิวเตอร์จะสั่งให้ปิดม่านด้านข้างและหลังคา เพื่ออบอุณหภูมิให้สูงขึ้น และถ้าอุณหภูมิในโรงเรือนร้อนเกินไป ระบบจะสั่งให้เปิดม่านด้านข้างและหลังคา พร้อมเปิดพัดลมระบายอากาศ มีระบบพัดลมกวนอากาศในโรงเรือนไหลเวียนได้ดีขึ้น มีระบบพรางแสงไม่ให้เข้มเกินไปจนทำให้เกิดใบเหี่ยวใบไหม้ และมีการออกแบบโรงเรือนให้มีระบบควบคุมความชื้นภายในไม่ให้เกิดสะสมจนก่อให้เกิดโรคเชื้อรา พร้อมมีระบบให้น้ำเติมปุ๋ยอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แรงงานอีกด้วย
“เราคิดทำโรงเรือนอัจฉริยะขึ้นมา เพราะสภาพอากาศบ้านเราไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและฝนไม่สามารถให้ได้ผลผลิตเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากแดดและฝนแรงเกินไป ทั้งที่เป็นระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่ มี.ค.-ต.ค. เป็นช่วงที่ผักไฮโดรโปนิกส์ขายได้ราคาดีที่สุด
แม้โรงเรือนอัจฉริยะดูแล้วราคาน่าจะแพง จริงๆแล้วไม่แพงอย่างที่คิด เพราะราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ ตร.ม.ละ 2,000 บาท แต่ต้องเป็นโรงเรือนที่มีขนาดตั้งแต่ 800 ตร.ม.ขึ้นไป ลงทุนไปแล้วเกษตรกรสามารถสร้างรายได้คืนทุนภายใน 18 เดือน”
นายภูมิพันธุ์ กล่าวยืนยันและเตือนโรงเรือนแบบนี้เหมาะสำหรับเกษตรกรมืออาชีพที่ต้องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เพื่อการค้าจริงๆ ไม่เหมาะกับเกษตรกรสมัครเล่นหัดทำเกษตรหลังเกษียณ สนใจสอบถามรายละเอียดได้ในงานฮอร์ติเอเชีย และอะกริเอเชีย ไบเทค บางนา ระหว่าง 17-19 มี.ค.2558.
แหล่งข้อมูล : http://www.thairath.co.th/content/486290
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น